วันที่ ๑๙ มิ.ย. ๖๒ ปีการศึกษา ๑/๒๕๖๒ มาทำหน้าที่อาจารย์นิเทศก์ เวียนมาถึงนิสิตรุ่นที่ ๒ ของบทบาทการเป็นอาจารย์กรรมการบริหารหลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป ... ถ้านิสิตรุ่นปัจจุบัน กลับไปดูข้อคอมเมนต์ที่รุ่นพี่ได้รับในปีที่แล้ว (เช่น คลิก
ที่นี่ หรือคลิก
ที่นี่) จะได้ข้อความเห็นคอมเมนต์คล้าย ๆ กัน ... นี่สิที่เขาเปรียบครูเหมือนเรือจ้าง หลายอย่างจะคล้าย ๆ กัน ต่างกันตรงที่ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับศิษย์
นิสิตคนแรก กำลังจะสอนเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ วัตถุประสงค์การเรียนรู้คือรู้จักความเร็ว และสามารถคำนวณหาความเร็วของวัตถุที่ตกอย่างอิสระได้ โดยใช้เครื่องเคาะสัญญาณและกระดาษคาร์บอน นิสิตออกแบบการสอนแบบสาธิต ๑ รอบ แล้วให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาทดลอง แล้วให้นำใบกระดาษคาร์บอน ไปใช้ในการทำใบงาน
หลังจากเลิกคลาส อาจารย์นิเทศก์กับลูกศิษย์นั่งคุยแลกเปลี่ยนกันนานเกือบชั่วโมง สรุปตอนท้ายได้ทั้งข้อคอมเมนท์ ความเห็น และข้อตกลงระหว่างเรา สำหรับก้าวเดินต่อไปในการพัฒนา "ความเป็นครูวิทยาศาสตร์"
ความเห็น (อันเป็นจุดเด่นของนิสิตคนที่ ๑)
เราเริ่มคุยด้วยการตั้งคำถามว่า หากให้คะแนนตัวเองเต็ม ๕ การจัดการเรียนรู้วันนี้ เรามีกี่คะแนน นิสิตคิดว่าตนเองน่าจะได้ ๓ คะแนน ๒ คะแนนที่หายไปคือ การสื่อสารที่ยั่งไม่พอใจในความแม่นยำ การควบคุมชั้นเรียน (ผมไม่ชอบคำนี้ ควบคุมชั้นเรียน ขอเปลี่ยนเป็นการสร้างองค์ประกอบในการเรียนจะดีกว่า) และ การดำเนินการตามลำดับขั้นตอนที่กำหนด
สำหรับผม นิสิต "เหมือนครู" มากแล้ว ทั้งบุคลิก ท่าทาง การพูดจา จังหวะในการพูด การปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน ปัญหามีเพียงว่า นิสิตไปเหมือนครูรุ่นใหญ่ ที่มักใช้การควบคุมด้วยอำนาจ ไม่เหมาะกับครูรุ่นเยาว์แบบครูฝึกสอน จึงแนะนำให้เรียนรู้เกี่ยวกับ ความดี ๖ ระดับ ของลอเรนซ์ โคนเบิร์ค ดังภาพ
ครูเพื่อศิษย์ จะคิดทำเพื่อนำเด็กไปให้ถึงความดีระดับ ๖
ข้อคอมเมนต์ (เพื่อการพัฒนาสู่ความเป็นครูวิทยาศาสตร์)
ต่อไปนี้คือข้อความเห็น ๖ ประการ ที่เราสรุปร่วมกันหลังจากคุยแลกเปลี่ยนกันหลังคลาส แต่ละข้อนิสิตจะรู้ความหมายนั้น ๆ ดี โดยไม่ต้องอธิบายอันใดอีก
- ครูวิทยาศาสตร์ คือ ครูผู้ปลูกฝังจิตวิทยาศาสตร์ และฝึกฝนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้กับศิษย์ (ให้อ่านที่บันทึกนี้)
- ข้อนี้บอกว่า ต่อไป หากจะสอนอะไร บทเรียนใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การฝึกให้นักเรียนคิดและทำตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีการตั้งปัญหา ตั้งสมมติฐาน พิสูจน์หรือทดลอง และอภิปรายสรุปผล
- และบอกว่า ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทุกครั้ง สิ่งที่ต้องพิจาณาคือ นักเรียนจะได้ฝึกทักษะบวนการทางวิทยาศาสตร์อันไหน
- ส่วนเรื่องวัดและประเมินอย่างไร ต้องใช้กระบวนการวิจัยในชั้นเรียน (Action Research) ประกอบ
- ใส่ใจในรายละเอียดการสร้างสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่เอื้อต่อกิจกรรมการเรียนรู้ที่ออกแบบ การออกแบบกิจกรรมต้องพิจารณารอบด้านรวมถึงกายภาพด้วย เช่น หากจะจัดการเรียนการสอนเป็นกลุ่ม ต้องจัดให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่มจริง ๆ หันหน้าเข้าหากัน
- สร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ อันสามารถนำไปสู่กติกา หรือวัฒนธรรมการเรียนรู้ของครูและของชั้นเรียน
- ใช้กระบวนการกลุ่ม ฝึกฝนการทำงานเป็นทีมไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะเมื่อมีการจัดการเรียนรู้เป็นกลุ่ม
- การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ต้องไปให้ถึง Expected Learning Outcome คือผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวัง
- ใช้จิตวิทยาเชิงบวก "ไม่ใช่ห้องเรียนแห่งการควบคุม" ไปให้ถึงความดีระดับ ๖
ข้อตกลงร่วมกัน
ข้อตกลง (แกมบังคับ) ให้นิสิตที่อยู่ในสายนิเทศในปีการศึกษานี้ มี ๒ ประการ ได้แก่
- เราจะทำวิจัยเชิงปฏิบัติการ หรือ Action Research กันทุกคน ... ไม่ใช่ทำเชิง R&D หรือ Research and Development
- เราจะทำวิจัยเกี่ยวกับ การปลูกฝังจิตวิทยาศาสตร์และพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน.......
- ให้นิสิตเขียนบันทึกสะท้อนการเรียนรู้ในการฝึกประสบการณ์สอนของตนเอง สัปดาห์ละ ๑ บันทึก ในเว็บไซต์ Gotoknow.org
เขียนกำหนดไว้ชัดเจนยิ่งครับ ... เหลือแต่เพียงลงมือทำ ... ลุย